การศึกษาการรับรู้ในบริการการแพทย์ฉุกเฉินและความเข้าใจของประชาชนต่อภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ในอำเภอด่านซ้าย
ชื่อผู้วิจัย : นางพรพิไล นิยมถิ่น
หน่วยงาน: งานอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย
ชื่อผู้วิจัย : นางพรพิไล นิยมถิ่น
หน่วยงาน: งานอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย
ที่มา :ระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
เป็นการจัดระบบบริการให้มีการระดมทรัพยากรในพื้นที่
ให้สามารถช่วยเหลือผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ได้มีโอกาสขอความช่วยเหลือในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน
ณ. จุดเกิดเหตุ ให้มีระบบการลำเลียงขนย้าย
และการส่งผู้ป่วยให้แก่โรงพยาบาลที่เหมาะสม ได้อย่างมีคุณภาพและรอดชีวิต ตลอด 24 ชั่วโมง
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย เป็นโรงพยาบาลขนาด 60 เตียง
รับผิดชอบประชากร ประมาณ 50,000
คน มีภูมิประเทศ เป็นภูเขาสลับซับซ้อน
หน่วยงานอุบัติเหตุฉุกเฉินเริ่มมีการจัดระบบบริการออกให้บริการผู้ป่วยฉุกเฉินเป็นหน่วยกู้ชีพขั้นสูง
ตั้งแต่ปี 2546
จนถึงปัจจุบัน ในปี 2549 ได้มีการขยายเครือข่ายหน่วยกู้ชีพลงสู่ท้องถิ่น และมีอาสาสมัคร
จำนวน 14 หน่วย
มีอาสาสมัครกู้ชีพผ่านการอบรมหลักสูตร First responder ครอบคลุมพื้นที่
จำนวน 140
คน
เมื่อศึกษาพบว่าผู้ป่วยฉุกเฉินยังเข้าถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉินได้น้อย
มีญาตินำส่งเอง หรือต้องรอให้เกิดภาวะวิกฤติถึงชีวิตถึงต้องรีบหารถนำส่งโรงพยาบาล
เมื่อศึกษาถึงช่องทางการช่วยเหลือที่ผู้รับบริการเรียกใช้บริการผ่านศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการหมายเลขโทรศัพท์
1669 เพียงร้อยละ 25.57
หมายเลขสายตรงห้องฉุกเฉิน ร้อยละ 14.20 สะท้อนให้เห็นถึงบริการการแพทย์ฉุกเฉินยังเข้าถึงไม่คลอบคลุมพื้นที่
วัตถุประสงค์ :
1.เพื่อศึกษาถึงปัจจัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเรียกใช้การบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
2.เพื่อศึกษาถึงการรับรู้ในบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
ของประชาชนชาวอำเภอด่านซ้าย
3.เพื่อศึกษาถึงความเข้าใจของประชาชนต่อภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์
วิธีดำเนินการ: จากข้อมูลประมวลสรุปผลงานประจำปี
ศึกษาเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างเพิ่มเติม ด้วยวิธีตอบแบบสอบถาม
ข้อมูลทั่วไปของผู้ที่ให้ข้อมูลในจำนวน 100 คนทั่วทุกตำบลในอำเภอด่านซ้าย
จากผู้นำชุมชน ร้อยละ50 ประชาชนทั่วไปร้อยละ
50เ ป็นชายร้อยละ78 เป็นหญิงร้อยละ 22 เป็นกลุ่มวัยทำงานอายุ 40-50 ปี มากที่สุด วุฒิการศึกษาประถมศึกษา
ร้อยละ 67 มัธยมศึกษาตอนต้น
ร้อยละ22 มัธยมศึกษาตอนปลาย ร้อยละ 9
ผลการศึกษาการ รับรู้บริการการแพทย์ฉุกเฉินมากกว่าร้อยละ60 รับรู้หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน ร้อยละ 68 รับรู้ว่าไม่เสียค่าใช้จ่าย ร้อยละ82 บริการฉุกเฉินให้บริการได้ทุกพื้นที่ ร้อยละ 58 รับรู้บริการช่วยเหลือเบื้องต้นขณะนำส่ง ร้อยละ 92 ความเข้าใจในภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์
มีความเข้าใจภาวะฉุกเฉินมากร้อยละ75
ต้องการเรียกใช้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน
ร้อยละ38 ต้องการนำส่งเอง ร้อยละ62 เมื่อเปรียบเทียบระหว่างตัวแปรที่ศึกษา
กลุ่มผู้นำชุมชนจะรับรู้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน
และเข้าใจเกี่ยวกับภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์มากกว่าประชาชนทั่วไป
พื้นที่ที่มีหน่วยกู้ชีพที่เข้มแข็งปฏิบัติงานได้ต่อเนื่องเช่น ตำบลโป่ง ตำบลนาดี
ตำบลด่านซ้าย
จะมีการรับรู้ในบริการการแพทย์ฉุกเฉินมากกว่าร้อยละ 60 พื้นที่ที่มีผลการปฏิบัติงานน้อย
หน่วยกู้ชีพอยู่พื้นที่ห่างไกลมาก
จะมีการรับรู้ต่อบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ได้น้อยกว่าร้อยละ20
การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในงานประจำ :
1.เป็นข้อมูลพื้นฐานในการจัดระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในอำเภอด่านซ้าย
3.พัฒนาหน่วยกู้ชีพให้มีการปฏิบัติงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกล ผู้ยากไร้และมีความเสี่ยง
บทเรียนที่ได้รับ
:
ผู้ป่วยฉุกเฉินมาโดยระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
เพิ่มขึ้น ปี 2554 ผู้ป่วยสีแดงมาโดยระบบการแพทย์ฉุกเฉิน
ร้อยละ20.22 ปี 2555 ร้อยละ 24.15
ปี2556 (มิถุนายน) ร้อยละ27.22จากผลการปฏิบัติงานของหน่วยกู้ชีพทั้งเครือข่ายเป็นผู้ป่วยสีแดง
ปี2554 ร้อยละ 34.14 ปี 2555 ร้อยละ 34.23 ปี 2556 (มิถุนายน) ร้อยละ 41.47 มีการประสานงานในเครือข่ายของหน่วยกู้ชีพท้องถิ่น
อาสาสมัคร มูลนิธิต่างๆเป็นอย่างดี
ประชาชนรู้จักและเรียกใช้หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน 1669 ร้อยละ 42.45 หมายเลขสายตรงห้องฉุกเฉิน ร้อยละ37.47
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ :
- ผู้บริหารให้ความสำคัญ
-ความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
-ทีมกู้ชีพที่เข้มแข็ง
-อปท.ร่วมจัดระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
ครอบคลุมพื้นที่
การสนับสนุนที่ได้รับจากผู้บริหารหน่วยงาน/องค์กร:
-ผู้บริหารสนับสนุนหลายรูปแบบ
-ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วม
สนับสนุนงบประมาณสร้างความเข้มแข็งให้ทีมกู้ชีพในท้องถิ่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น